Home » Business » Top Energy Companies in Thailand Report Strong Profits for First Quarter 2567

Top Energy Companies in Thailand Report Strong Profits for First Quarter 2567

PTTEP โมเมนตัม 2Q67 เพิ่มขึ้น

‍  ​  ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ​กล่าวว่า หุ้น PTT อยู่ระหว่างการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจึงไม่สามารถประเมินแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ได้

⁣   ขณะที่ “PTTEP” ประกาศงบไตรมาส ‌1/67 กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท (+2% QoQ, -3% YoY) เป็นไปตามคาดการณ์และตลาดส่วนใหญ่ประเมินไว้ หากหักรายการพิเศษ (ขาดทุน Hedging⁣ 16 ล้านเหรียญฯ และผลกระทบจาก FX 3 ล้านเหรียญฯ) กำไรปกติทำได้ 1.9 หมื่นล้านบาท ลดลง‌ -10% QoQ ⁤จาก Margin ‌ลดลงสอดคล้องราคาน้ำมันในตลาดโลก เมื่อเทียบกับ 1Q66 แม้ปริมาณขายทำได้ 473 kboed +3% YoY แต่กำไรปกติ ลดลง -3% YoYจากการปรับตัวลงของราคาขายน้ำมัน-ก๊าซ ส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ย (ASP) อยู่ที่⁣ US$47.2/boe (-6% ‍YoY) และต้นทุนต่อหน่วยขยับขึ้นเป็น US$29/bbl (+11%​ YoY) จากการบันทึกค่าตัดจำหน่ายหลุมผลิตในมาเลเซีย

โมเมนตัมกำไรปกติ 2Q67 เร่งตัวขึ้น QoQ⁤ และ YoY จากปริมาณขายคาดเพิ่มขึ้นเป็น 514 kboed ทำระดับสูงสุดใหม่ ​และราคาขายสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก (น้ำมันดิบดูไบ 2QTD​ เฉลี่ย US$89.6/bbl ​+10% QoQ)

⁣ กำไรสุทธิ 1Q67 คิดเป็น 24% ของทั้งปีคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 7.9 ​หมื่นล้านบาท +3% YoY อ้างอิงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย US$82/bbl โดยทุก US$1/bbl จะส่งผลต่อกำไร 1 พันล้านบาท และราคาเหมาะสม 0.90 บาท/หุ้น

ประมาณการปี 2567 มี Upside อีกเล็กน้อย ⁣เนื่องจากผู้บริหารปรับ Guidance ปริมาณขายขึ้นเป็น 509 kboed (เดิม 505 kboed) จากสัดส่วนถือหุ้นโครงการ Yadana เพิ่มขึ้น และราคาก๊าซ US$5.9/mmbtu (เดิม US$5.7/mmbtu) จากทิศทางราคาน้ำมันที่แข็งแกร่ง

ปัจจุบัน PTTEP มีการลงทุน 3 โครงการในเมียนมา ได้แก่ Yadana, Zawtika, M3 (อยู่ขั้นตอนสำรวจ) ⁤โดยแหล่งปิโตรเลียมอยู่นอกชายฝั่งห่างไกลจากสถานการณ์รุนแรงมีการป้องกันแนวท่อขนส่งก๊าซ ทำให้สถานการณ์ขัดแย้งในประเทศไม่กระทบต่อการผลิต

การถอนทุนของ Chevron ในโครงการ Yadana ทำให้ PTTEP มีสัดส่วนลงทุนสูงขึ้นเป็น 62.963% ตั้งแต่ 1 เม.ย. ​และรับรู้ปริมาณขายก๊าซเพิ่มขึ้น 4 kboed เรามีมุมมองบวกมากขึ้นต่อการเพิ่มสัดส่วนโครงการดังกล่าว เนื่องจาก 1) ผู้บริหารให้ข้อมูลว่าสามารถเดินหน้าเจาะหลุมสำรวจเพิ่มเติม (เดิม Chevron ไม่เห็นด้วย) ซึ่งกรณีพบแหล่งก๊าซที่มีศักยภาพสามารถขอขยายอายุ PSC (เดิมสิ้นสุดปี‍ 2571) 2) โครงการดังกล่าวเป็นความมั่นคงทางพลังงานของไทยและเมียนมา ซึ่งการหารือระหว่างกระทรวงต่างประเทศไทย –⁣ สหรัฐฯ สามารถบรรลุข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับการให้ ‌PTTEP ดำเนินโครงการในเมียนมาได้

PTTEP อยู่ระหว่างตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายโครงการปิโตรเลียมขนาดใหญ่ในมาเลเซีย Lang Lebah ⁢คาด FID ช่วง 3Q67⁢ และ COD ปี⁢ 2571 ขณะที่ความคืบหน้าโครงการ Mozambique LNG คาดสามารถกลับเข้าพื้นที่ดำเนินการก่อสร้างได้ภายในปี 2567

ภาพรวมกำไร 1Q67 ชะลอตัวจากฐานสูง แต่ถือว่ายังอยู่ระดับแข็งแกร่ง แนวโน้ม 2Q67 เร่งตัวขึ้น ระยะสั้นเรามอง PTTEP เป็นตัวเลือกหลักได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันแพงช่วงความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ยังไม่คลี่คลาย นอกจากนี้ เชื่อว่าตลาดจะคลายกังวลต่อการดำเนินโครงการในเมียนมา หลังผู้บริหารให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลการหารือระหว่างกระทรวงต่างประเทศของไทย – สหรัฐฯ แนะนำ TRADING หุ้น PTTEP ⁢ราคาเหมาะสม 172 บาท

IRPC กำไรสต็อกน้ำมัน

ฝ่ายวิเคราะห์คาดผลประกอบการ 1Q67 ของ”IRPC“จะมีกำไรสุทธิที่​ 1.9 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุน 3.4⁤ พันล้านบาทใน ⁣4Q66 และเติบโตสูง 515% YoY หนุนจากการบันทึกกำไรสต็อกน้ำมัน 2.4 พันล้านบาท (vs ขาดทุน 2.6 พันล้านบาทใน 4Q66‌ และขาดทุน 1.7 พันล้านบาทใน 1Q66) และการฟื้นตัว QoQ ของ Crack Spread‍ สวนทางต้นทุนน้ำมัน Crude Premium ที่ลดลง (อ้างอิง Arab Light OSP 1Q67 อยู่ที่ ​US$2.2/bbl vs US$3.9/bbl ใน 4Q66) อย่างไรก็ตาม⁤ หากนับเฉพาะผลการดำเนินงานปกติคาดทำได้ ⁤31 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 2.2 พันล้านบาทใน 4Q66 แต่ -96% YoY และเป็นก ⁢าไรปกติระดับต่ำ เนื่องจากคาดว่าอัตราการกลั่นจะเหลือ 185 kbd (-4% QoQ, -4% YoY) ตามการ Optimization กระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับ Margin ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่อยู่ระดับต่ำ ประเมินอัตรากำไรธุรกิจหลัก (Market GIM) อยู่ที่ US$9.4/bbl (-20% YoY) ตามภาวะอุปทานล้นตลาดของปิโตรเคมีถือว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงจุดคุ้มทุนของค่าใช้จ่ายรวมที่ US$9.9/bbl

⁤  แม้ผลประกอบการ 1Q67 ที่ 1.9 พันล้านบาท จะแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับประมาณการทั้งปี 2567 ขาดทุน 890 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม‌ ฝ่ายวิเคราะห์คงประมาณการเดิมไว้ก่อน เนื่องจากเชื่อว่าผลประกอบการช่วงที่เหลือของปียังมีความไม่แน่นอนสูง, ผันผวนตามโอกาสบันทึกกำไร/ขาดทุนสต็อกน้ำมัน,ผลการดำเนินงานหลักคาดว่ายังอยู่ระดับต่ำ⁢ โดย⁣ Market GIM ‍มีความท้าทายเมื่อเทียบกับจุดคุ้มทุนค่าใช้จ่ายรวมระดับ US$9-10/bbl เพราะส่วนต่างราคาปิโตรเคมีPP ABS ยังอยู่ระดับต่ำไม่ฟื้นตัวจาก 1Q67 อย่างมีสาระสำคัญ (2QTD Spread​ PP-Naphtha อยู่ที่ US$347ต์”>ดังนั้น การลงทุนในหุ้นของบริษัทนี้อาจจะต้องพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจ และควรระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการลงทุน

ทางผลประกอบการ (คาดรายงานงบการเงินวันที่ 7 พ.ค.)

GPSC ไตรมาส ⁣1/67 โต ⁢QoQ

คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2567 ของ “GPSC” ทำได้ 757 ล้านบาท (+59% QoQ, -32% YoY) โดยเมื่อเทียบกับ 4Q66 แม้ปัจจัยขับเคลื่อนผลประกอบการบางรายการยังทำงานไม่เต็มที่ 1) คาดต้นทุนก๊าซของโรงไฟฟ้า SPP เพิ่มขึ้น +7%QoQ เป็น 360 ‌บาท/mmbtu เพราะนโยบายช่วยเหลือราคาก๊าซ 330 บาท/mmbtu สิ้นสุดลงช่วงปลายปีและยังไม่ได้ประโยชน์จากมาตรการ Single Pool Gas 2) ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง QoQ​ เพราะปัจจัยฤดูกาลของเขื่อนไซยะบุรี และโรงไฟฟ้าลมไต้หวัน อย่างไรก็ตาม ภาพรวมผลประกอบการยังสามารถฟื้นตัว QoQ หนุนจาก 3) Margin โรงไฟฟ้า SPP เพิ่มขึ้นตามราคาขายไฟฟ้าอ้างอิงอัตราค่าไฟฟ้า 4.18 บาท/หน่วย (vs 3.99 บาท/หน่วยใน 4Q66) 4) ต้นทุนถ่านหิน -7% QoQ เป็น US$143/ตัน ตามทิศทางราคาในตลาดโลก 5) ปริมาณขายไฟฟ้า และไอน้ำเพิ่มขึ้นจากอุปสงค์ของ EGAT และลูกค้าอุตสาหกรรมจากภาวะอากาศ ​และการกลับมาผลิตของภาคอุตสาหกรรม 6) ค่าใช้จ่ายดำเนินการ และซ่อมบำรุงลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล 7) ส่วนแบ่งกำไรจาก Avaada สูงขึ้นช่วง⁤ High ⁤Season ของธุรกิจ 8) ไม่มีค่าใช้จ่ายด้อยค่าจาก⁣ Nuovo Plus เหมือน 4Q66

แนวโน้ม 2Q67 เร่งตัวขึ้น​ QoQ และ YoY⁤ หาก 1Q67 เป็นไปตามคาด คิดเป็น 14% ของคาดการณ์ทั้งปีคาดแนวโน้ม 2Q67 จะเร่งตัวขึ้นQoQ และ YoY หนุนจากการเข้าสู่ High Season ของความต้องการใช้ไฟฟ้าในฤดูร้อน‍ และการเพิ่มสัดส่วนผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติชดเชยการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่มีข้อจำกัดจากปริมาณน้ำฝนน้อยในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ คาดต้นทุนก๊าซธรรมชาติ – ถ่านหินจะลดลงตามราคาพลังงานในตลาดโลก⁤ และการเพิ่มสัดส่วนอุปทานก๊าซในอ่าวไทย (ราคาต่ำ) ‍โดยเฉพาะแหล่งก๊าซเอราวัณสามารถเร่งปริมาณผลิตได้ตามเป้าหมาย⁢ 800 ‌mmscfd ⁣ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. (เร็วกว่าแผนเดิมช่วงต้นเดือน ​เม.ย.)

ช่วงที่เหลือของปีจะเห็นปัจจัยบวกมากขึ้น คงประมาณการ มองข้ามไปช่วงที่เหลือของปี คาดผลการดำเนินงานดีขึ้นต่อเนื่อง หนุนจากการตรึงอัตราเรียกเก็บค่าไฟเพื่อทยอยลดภาระคงค้างของ EGAT (ค่าไฟฟ้าเดือนพ.ค.-ส.ค. เท่ากับงวดปัจจุบันที่ 4.18 บาท/หน่วย),ต้นทุนเชื้อเพลิงลดลง YoY, ประสิทธิภาพ และความต่อเนื่องของการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น,⁤ COD โครงการโรงไฟฟ้าใหม่, เริ่มรับรู้ประโยชน์จากนโยบาย Single Pool, อุปสงค์ไฟฟ้า-ไอน้ำจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีทยอยฟื้นตัว คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 5.3 พันล้านบาท (+45% YoY)

‌   ราคาหุ้นอยู่ในจุดที่น่าเข้าลงทุนอีกครั้ง เพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ”⁤ ราคาหุ้น -8% MTD จากความไม่ชัดเจนของต้นทุนก๊าซภายใต้นโยบาย ‌Single Pool Gas และการปรับตัวขึ้นของ Bond‌ Yield ตามมุมมองของฝ่ายวิเคราะห์ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ⁣ปัจจุบันหุ้นมี Upside gain เปิดกว้างอีกครั้ง เพิ่มขึ้น 16.9%, กำไรช่วงที่เหลือของปีมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น, ระยะยาวมีปัจจัยการเติบโตตามการขยายงานครือ PTT และการลงทุนโครงการพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ ⁣จากเหตุผลข้างต้นฝ่ายวิเคราะห์ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 57 บาท (ประกาศผลประกอบการวันที่ ⁢8 พ.ค.67)

TOP กำไร 1Q67 เติบโตดี

‌    คาด “TOP” กำไรสุทธิ 1Q67 อยู่ที่ 4.9 พันล้านบาท อยู่ในเกณฑ์ดี(+66% QoQ, +7% YoY)‌ สาระสำคัญดังนี้เมื่อเทียบกับ 4Q66 ⁤ผลประกอบการได้ปัจจัยหนุนจาก 1) การเพิ่มขึ้นของค่าการกลั่นเป็น US$9.2/bbl⁤ (+28%QoQ) ตามทิศทาง Crack ‍Spread น้ำมันเบนซินที่สูงขึ้น และต้นทุน Murban Premium -US$2.2/bbl QoQ 2) ​การเพิ่มขึ้นของ Spread BZ⁤ ทำให้อัตรากำไรธุรกิจอะโรมาติกส์สูงขึ้นเป็น US$1.1/bbl (+US$0.1/bbl QoQ) จากการผลิตในสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากอากาศหนาวเย็น

3) ค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลง⁤ QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล ส่งผลให้คาดกำไรปกติทำได้ 5.5 พันล้านบาท (+57% QoQ, -13% YoY) อย่างไรก็ตามฝ่ายวิเคราะห์มองว่าผลประกอบการสามารถเติบโตได้มากกว่านี้เนื่องจาก 1Q67 มีปัจจัยถ่วงจาก 4) อัตราการกลั่นเหลือ 103% (-8% QoQ) จากการปิดซ่อมนอกแผนของหน่วยกลั่นที่ 3 ช่วงวันที่ 16-29 ม.ค. 5) อัตรากำไรธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นเหลือ US$0.4/bbl (-20% QoQ) ตาม Spread ยางมะตอย 6) ประเมินกำไรสต็อกน้ำมันเล็กน้อยเพียง100 ล้านบาท 7) ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินบาทอ่อนค่า 1 พันล้านบาท

⁤  แนวโน้มกำไรปกติ 2Q67 ชะลอตัว QoQ แม้ประเมินว่าอัตราการกลั่นจะเพิ่มขึ้น QoQ สู่ระดับ 105-110% ‍จากหน่วยกลั่นที่ 3 กลับมาผลิตเต็มไตรมาส อย่างไรก็ตาม คาดกำไรปกติจะลดลง QoQ เนื่องจาก 1) เป็นช่วงปิดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นที่ 1 ⁣เดือนพ.ค. ราว 10⁤ วัน 2) ค่าการกลั่นชะลอลงจากอุปทานของโรงกลั่นที่เกิดปัญหาการผลิตทยอยกลับมาเป็นปกติ,⁢ อุปทานใหม่จากโรงกลั่นไนจีเรีย, การส่งออกไปสู่ภูมิภาคอื่นลดลง 3) อัตรากำไรธุรกิจอะโรมาติกส์– น้ำมันหล่อลื่นต่ำลงตามทิศทาง Spread 2QTD ลดลงเกือบทุกผลิตภัณฑ์

ในปี 2568 ติดตามแผน COD ⁢โครงการ CFP ⁣หากกำไรสุทธิ ⁣1Q67 เป็นไปตามคาด จะคิดเป็น 27% ของคาดการณ์ทั้งปีคงประมาณการปี 2567 ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท ลดลง -6%‌ YoY ส่วนปี 2568 ​หุ้นมีปัจจัยสำคัญต้องติดตามจากกำหนดการเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของโครงการ CFP ช่วง 1Q68 ช่วยเพิ่มกำลังกลั่นเป็น 400 kbd (จาก 275 kbd), เพิ่มความสามารถใช้น้ำมันดิบชนิดหนัก (ราคาต่ำ), และเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง

แนะนำ TRADING ระยะสั้นหุ้นต้นน้ำน่าสนใจกว่า ปัจจุบันหุ้นซื้อขายบน PBV ที่ ‍0.7 เท่า (-1.4 SD) ถือว่ามูลค่าหุ้นไม่แพง, ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูง 5-6%,เตรียมรับรู้ประโยชน์จากการลงทุนโครงการ CFP ตั้งแต่ต้นปี 2568 คงคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสม 66.00 บาท อย่างไรก็ตาม เชิงกลยุทธ์ระยะสั้นมองว่าหุ้นพลังงานต้นน้ำ เช่น PTTEP ที่โมเมนตัมกำไร 2Q67 เติบโต QoQ และมีความสัมพันธ์ทางตรงกับราคาน้ำมันช่วงปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ตึงเครียด หรือโรงกลั่น SPRC ที่ไม่มีธุรกิจปิโตรเคมีถ่วง, สัดส่วนน้ำมันเบนซินสูง, ขาดทุน FX น้อยจะน่าสนใจเข้าลงทุนมากกว่า (คาดประกาศงบการเงิน 1Q67 วันที่ 9 พ.ค.)

PTTGC ขาดทุน FX

คาด PTTGC ผลการดำเนินงานหลัก 1Q67 จะสามารถทำกำไรได้บางๆ 244 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 2.1 พันล้านบาทใน 4Q66 และขาดทุน 198 ล้านบาทใน 1Q66 โดยเมื่อเทียบกับ 4Q66 กำไรปกติฟื้นตัวQoQ จากอัตรากำไร P2F ธุรกิจอะโรมาติกส์คาดทำได้ US$200/ตัน (+11% QoQ) สอดคล้องส่วนต่างราคา PX BZ Naphtha สูงขึ้น, อัตราการผลิต PE เพิ่มขึ้นหลังผ่านช่วงปิดซ่อมบำรุงใน 4Q66

อย่างไรก็ตาม กำไรปกติยังอยู่ระดับต่ำ เพราะมีปัจจัยลบจาก 1) คาดค่าการกลั่นเหลือ US$8.4/bbl (-7% QoQ) ตามทิศทางส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซล⁣ 2) สัดส่วนการผลิตปิโตรเคมีจากวัตถุดิบก๊าซ (อัตรากำไรสูง) ปรับตัวลดลงจากแผนปิดซ่อมบำรุง‌ 3) อัตรากำไรของผลิตภัณฑ์ Phenol อ่อนแอลง นอกจากนี้คาดว่าบรรทัดสุดท้ายจะถูกกดดันจากรายการพิเศษ โดยประเมินว่าไตรมาสนี้จะบันทึกกำไรสินค้าคงคลังเล็กน้อย 353 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอขาดทุน FX ถึง 1,600 ล้านบาทจากเงินบาทอ่อนค่าส่งผลให้ 1Q67 จะพลิกเป็นขาดทุนสุทธิ 852 ล้านบาท (vs กำไรสุทธิ 5,100ล้านบาทใน 4Q66 และกำไร 82 ล้านบาทใน 1Q66

ธุรกรรมซื้อคืนหุ้นกู้คาดบันทึกกำไรพิเศษช่วง 2Q67 บริษัทฯแจ้งผลตอบรับคำเสนอซื้อคืนหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวน 3 รุ่น ระหว่างวันที่ 16-23 ‌เม.ย. ‌โดยมีนักลงทุนตอบรับคำเสนอซื้อมูลค่ารวม 753.5 ล้านเหรียญฯ เบื้องต้นหากอ้างอิงสมมติฐานส่วนลดราคาซื้อคืน 10% ประเมินว่า 2Q67 จะบันทึกกำไรพิเศษทางบัญชีจากธุรกรรม Bond Buyback หลังหักภาษี 1,800-2,500 ล้านบาท (บางส่วนจะถูกชดเชยจากขาดทุน ​FX) นอกจากนี้ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า PTTGC จะ Refinance ⁤หุ้นกู้ข้างต้นด้วยเงินกู้ยืมสถาบันการเงินบางส่วน ส่งผลให้ Exposure ของภาระหนี้สินสกุล USD⁢ ลดลงช่วยลดความผันผวนของกำไร/ขาดทุน ⁢FX ตั้งแต่ 2Q67 เป็นต้นไป

แนวโน้มผลการดำเนินงานหลัก 2Q67 ยังไม่เด่น แม้เชื่อว่าอัตรากำไรธุรกิจอะโรมาติกส์ยังอยู่ระดับดี ‍หนุนจากอุปสงค์รองรับกำลังผลิตใหม่ของ PTA ​และปริมาณสินค้าคงคลัง ‍BZ ‌อยู่ระดับต่ำ รวมทั้งผลประกอบการของ Allnex⁤ มีสัญญาณฟื้นตัวจากการ Restocking หลังปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ทำให้เกิดความกังวลด้านขนส่ง

อย่างไรก็ตาม กำไรปกติยังไม่เด่น เพราะมีปัจจัยกดดันจากการอ่อนตัวของค่าการกลั่นตาม ⁤Crack Spread น้ำมันดีเซล 2QTD เหลือ US$15/bbl (vs US$23/bbl ใน 1Q67) และปริมาณวัตถุดิบก๊าซ Ethane ยังไม่เพิ่มขึ้นเพราะเป็นช่วงซ่อมบำรุงของโรงแยกก๊าซ GSP แห่งที่ 5 จำนวน 15 วัน

คงคำแนะนำ TRADING ระยะสั้นยังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 6.7 พันล้านบาท และคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสม 40 บาท เชิงกลยุทธ์มองว่ายังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน เนื่องจากผลประกอบการ 1Q67 ไม่เด่นพลิกเป็นขาดทุนลดลง QoQ และ YoY สวนทางคู่แข่งที่ส่วนใหญ่ฟื้นตัว (ประกาศผลประกอบการวันที่ 13 พ.ค.)

OR ค่าการตลาดฟื้น กำไรแกร่ง

⁢  คาดกำไรปกติ 1Q67⁤ ที่ 3,647 ล้านบาท (+346% QoQ, +20% ⁤YoY) เติบโต QoQ และ YoY แม้คาดปริมาณขายน้ำมัน ‍ลดลง 7% QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลและลดลง 7% YoY จากฐานที่สูงในปีก่อน เนื่องจาก 1) ค่าการตลาดที่คาดฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ระดับ 1.15 บาท/ลิตร (+53%‍ QoQ, +14% YoY) หลังบริษัทฯมีการปรับราคาขายเพื่อสะท้อนต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (ความถี่ในการปรับราคาขายตามราคาน้ำมันสูงขึ้น) และการบันทึกกรายการ Stock‌ Gain⁢ ราว 400‌ ล้านบาท (ผลจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในเดือน ก.พ. -​ มี.ค.)

2) คาดปริมาณขายของ Café Amazon ที่ 99 ล้านแก้ว (+4% QoQ, +9% YoY) ทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาส หลังสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นส่งผลให้ปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน และ 3) คาดค่าใช้จ่าย SG&A‌ ที่ 7,370 ล้านบาท (-17% QoQ, -3%YoY) หลัง OR มีการทำกิจกรรมทางการตลาดลดลง หากกำไรปกติ 1Q67 ออกมาใกล้เคียงคาด คิดเป็นสัดส่วน 30% ของกำไรทั้งปี

แนวโน้มกำไร ⁣2Q67 เบื้องต้นคาดกำไรปกติที่ระดับ 2,500-2,600 ล้านบาท ลดลง QoQ ตามปริมาณขายน้ำมันรวมที่มีแนวโน้มลดลงจากการเข้าสู่ช่วงฤดูฝน (Low Season ของการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ) และค่าการตลาดที่คาดลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.90-1.00 บาท/ลิตร หลังราคาน้ำมันมีแนวโน้มทรงตัว (คาดมี Stock Gain น้อยกว่าช่วง 1Q67) และบริษัทฯ มีการตรึงราคาขายน้ำมันในช่วงวันหยุดสงกรานต์(ประสิทธิภาพในการปรับราคาขายน้อยลงเมื่อเทียบกับ 1Q67)⁢ อย่างไรก็ตามคาดกำไรปกติ 2Q67 จะสามารถทรงตัวได้YoY แม้ปริมาณขายน้ำมันมีแนวโน้มลดลงโดยมีสาเหตุหลักมาจากปริมาณขายของ Café Amazon ที่มีแนวโน้มเติบโต YoY ต่อเนื่อง (ผลจากอากาศที่ร้อนขึ้น) และค่าใช้จ่าย SG&A ที่มีแนวโน้มลดลงจากปีก่อน

หุ้นยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ คงราคาเหมาะสม‍ ณ สิ้นปี 2567 ที่​ 20.10 ⁤บาท/หุ้น (อิง PER ที่ 20.1 ⁣เท่า, รวมพรีเมียม 2% จาก Yuanta ESG Rating ที่ระดับ ⁤AA แล้ว)⁣ มี ‌Upside 11%​ โดยในช่วงสั้นเรามองว่าหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวได้จากแนวโน้มกำไร 1Q67 ที่เติบโตเด่นทั้ง QoQ และ YoY อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของราคาหุ้นในระยะกลางยาวจะยังคงถูกจำกัดจากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของบริษัทในอนาคตหลังบริษัทฯยังไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่มีนัยสำคัญจากการทำ M&A หรือการลงทุนใน JV ได้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ​จึงคงคำแนะนำ “TRADING” โดยเรามองว่าหุ้นจะกลับมาน่าสนใจอีกครั้งที่ระดับราคาต่ำกว่า ⁢17.50‍ บาท/หุ้น

2024-05-06 08:33:00
#กลม #PTT #กำไรไตรมาส #ด #หรอ #ราย

Leave a Comment

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.